เสริมคาง

เสริมคางเบี้ยว มีวิธีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

สาว ๆ ที่ตัดสินใจเสริมคาง ย่อมต้องการผลลัพธ์ที่ดีอย่างมากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด หากสาว ๆ เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้น เช่น เสริมคางเบี้ยว ย่อมต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเสริมคางของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เสริมคางแล้วยื่น เบี้ยว เกิดจากอะไร

การเสริมคางด้วยซิลิโคนแล้วมีปัญหาคางยื่นหรือเบี้ยวเอียงผิดรูป อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากขั้นตอนการผ่าตัดโดยแพทย์และจากตัวคนไข้เอง ซึ่งสาเหตุที่เราพบบ่อย ๆ ได้แก่

  1. แพทย์เหลาซิลิโคนที่ใช้เสริมคางไม่เท่ากัน ทำให้เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปแล้วคางดูเบี้ยวเอียง
  2. แพทย์ผ่าตัดเลาะช่องว่างเหนือกระดูกคางเดิมไม่เท่ากันหรือไม่พอดี ทำให้จัดวางซิลิโคนได้ไม่ตรงตำแหน่ง จนคางดูยื่นหรือเบี้ยวผิดสัดส่วน
  3. คนไข้ดูแลตัวเองหลังเสริมคางไม่ดี จนทำให้คางอักเสบติดเชื้อ
  4. คางถูกกระแทกอย่างแรง หรือคนไข้ชอบนั่งเท้าคาง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมได้
  5. คนไข้เคยฉีดคางด้วยฟิลเลอร์คุณภาพต่ำ หรือฟิลเลอร์ปลอม หากฟิลเลอร์สลายตัวได้ไม่หมดก็จะทำให้คางบิดเบี้ยวผิดรูปได้

เมื่อเสริมคางแล้วยื่น เบี้ยว จะแก้ไขได้อย่างไร

หากข้องใจว่าคางของเราที่เสริมมานั้นเบี้ยวเอียงหรือเปล่า ให้รอดูหลังศัลยกรรมประมาณ 1 – 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่แผลผ่าตัดยุบและหายดีแล้ว จึงจะเห็นได้ชัดเจนว่าคางมีปัญหายื่น เบี้ยว จริงหรือไม่ และถ้ารูปทรงคางที่ได้มาไม่สวย ไม่ปัง จนบั่นทอนความมั่นใจ ก็สามารถกลับไปหาคุณหมอที่คลินิกเพื่อแก้ไขใหม่ได้ ในการแก้ไข คุณหมอจะผ่าตัดเพื่อเลื่อนตำแหน่งซิลิโคนที่เบี้ยวเอียงให้เข้าที่ หรือเอาซิลิโคนของเดิมออก แล้วใส่อันใหม่ที่พอดีกว่าเข้าไป โดยขั้นตอนการผ่าตัดแก้คาง รวมถึงการเตรียมตัวก่อนผ่า ก็เหมือนกับการเสริมคางครั้งแรกทุกอย่าง ซึ่งจะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และคุณหมอจะนัดมาตัดไหมในอีก 5 – 7 วันหลังจากวันผ่าตัด โดยในระหว่างพักฟื้นคนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการศัลยกรรม รวมถึงระมัดระวังไม่ให้ใบหน้าถูกกระทบกระเทือนจนคางเบี้ยว แล้วต้องกลับมาแก้ซ้ำอีกรอบด้วย

เสริมคางเบี้ยว ต้องแก้ไขยังไง

ทำอย่างไรไม่ให้เสริมคางแล้วเบี้ยว เอียง

  1. ซิลิโคนที่ใช้เสริมคางต้องเหลาให้เท่ากัน และมีขนาดพอดีกับรูปคางของคนไข้ ในปัจจุบันหลายคลินิกจึงเลือกใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูปที่เราสามารถเลือกขนาดและรูปทรงที่ต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องเอามาเหลาเองก่อนเสริม ซึ่งช่วยลดปัญหาคางเบี้ยวเอียงไปได้มากทีเดียว
  2. ในการผ่าตัดแพทย์อาจใช้เทคนิค Fix ซิลิโคน เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหลังเสริมเข้าไปแล้ว โดยแพทย์อาจใช้วิธีเย็บซิลิโคนให้ติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง หรือยึดซิลิโคนด้วยสกรูไทเทเนียม ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ด้วย
  3. หลังการผ่าตัด คนไข้ควรดูแลแผลให้ดีเพื่อไม่ให้คางอักเสบติดเชื้อ อีกทั้งต้องระวังไม่ให้คางถูกกระแทก และหลีกเลี่ยงการนั่งเท้าคาง เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเลื่อน
  4. ไม่ควรฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเหลวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะมีโอกาสที่จะทำให้คางเบี้ยวผิดรูป แถมยังอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย

มีผลข้างเคียง อันตรายหรือไม่

การเลือกสถานที่ คลินิกเสริมคาง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ไม่ใช่เสริมคางที่ไหนก็ได้ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี รวมถึงคุณหมอ ที่มีประสบการณ์สูงและมีความเชี่ยวชาญ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน  เครื่องมือผ่าตัดที่ทันสมัย ผ่านการฆ่าเชื้อทุกกระบวนการ จึงหมดกังวลเรื่องผลข้างเคียง และอันตรายไปได้เลย

เสริมคางเจ็บไหม

การเสริมคาง เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ที่ทำการผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาชา ดังนั้น ความรู้สึกเจ็บ จะมีแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น หลังยาชาออกฤทธิ์ ระหว่างที่ผ่าตัด จนเสร็จ คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์ อาจจะมีอาการตึง หรือรู้เจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ รวมถึงมีการประคบเย็น เพื่อลดปวดและลดบวม หลังผ่าตัดเสร็จ สามารถเดินทางกลับบ้านพักฟื้นได้ โดยไม่ต้องพักฟื้นที่คลินิก

มีแผลเป็นหรือไม่

แผลเป็นขึ้นกับบุคคล บางรายอาจจะมีสภาพผิวที่ส่งผลต่อการเกิดแผลคีรอยด์ได้ง่าย ๆ แต่น้อยมาก ๆ ที่จะเกิดแผลเป็น เพราะขนาดของแผลมีขนาดเล็กมาก ๆ รอยแผลจะค่อย ๆ จากไป ประมาณ 1-3 เดือน กรณีคนที่เป็นแผลเป็นง่าย การดูแลหลังทำ เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ต้องหมั่นทายา ทารอยอย่างสม่ำเสมอทุกเช้า – เย็น

transitions-for-women.com

Transitions-for-Women.com

เสริมคาง ด้วยซิลิโคน ทำหน้าเรียว ศัลยกรรม คางสวย ศัลยกรรมเสริมคาง ด้วยซิลิโคน ช่วยให้ใบหน้าดูยืดยาวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดูดี