ชุดตรวจโควิดมีอะไรบ้าง?
ปัจจุบันนี้โรคที่กำลังเป็นที่น่ากังวลสำหรับประเทศไทยและทั่วโลกนั้นคงไม่พ้นโรคไวรัสโคโรนาหรือโรค covid-19 โรคที่ทุกคนต่างมีความกังวลว่าเมื่อไหร่จะหมดไปหรือจะทุเลาลง และหลายคนก็อาจมีความสงสัยว่าตัวเองนั้นเกิดการติดเชื้อแล้วหรือยัง ซึ่งการสังเกตอาการนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะนำพาไปซึ่งการตรวจหาเชื้อ โดยการตรวจหาเชื้อ covid-19 นั้น ผู้ที่มีความสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อแล้วหรือยังคงจะต้องตรวจหาเชื้อและชุดตรวจโควิดมีอะไรบ้าง? หรือการตรวจนั้นมีกี่แบบ และควรตรวจแบบไหนดี วันนี้เราจะพาท่านไปหาคำตอบว่าเมื่อสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อ covid-19 หรือไม่นั้น ควรจะตรวจหาเชื้อแบบไหนดี เราไปดูกัน
ตรวจหาเชื้อ covid-19 มีกี่แบบ
โดยเมื่อท่านสงสัยว่าตัวเองนั้นจะติดเชื้อหรือไม่นั้น ปัจจุบันนี้วิธีการตรวจหาเชื้อโควิดนั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้
- การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR (Swap หรือการแยงจมูก) การตรวจด้วยวิธีนี้จะทราบผลในเวลา 24 – 48 ชั่วโมง เป็นวิธีการตรวจที่ให้ผลค่อนข้างแม่นยำสูง และยังสามารถตรวจเจอเชื้อได้หลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้ว 3 วัน
- การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Rapid test (Swap หรือการเจาะเลือด) วิธีนี้จะมีความรวดเร็วในการรู้ผลคือจะทราบผลได้ภายในเวลา 10 – 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งผลของการตรวจด้วยวิธีนี้นั้นจะมีโอกาสที่จะคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากจะเป็นการตรวจหลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้ว 5 – 14 วัน
หากผู้ที่สงสัยว่าตัวเองติดโควิดหรือไม่นั้นและต้องการทราบผลการตรวจที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นควรกักตัวเอง 7 – 14 วันหลังจากที่ได้สัมผัสผู้ป่วยหรือไปพื้นที่เสี่ยงมา แต่หากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที
การตรวจหาเชื้อ covid-19 ด้วยวิธี RT-PCR
การตรวจด้วยวิธีนี้นั้นจะเป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR เป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำค่อนข้างสูง สามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อย ๆ ได้ด้วยนั้นไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นหรือเชื้อไวรัสที่ตาย ก็สามารถตรวจจับได้หมดจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจ ซึ่งจะทราบผลภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยการตรวจนั้นแพทย์จะทำการป้ายเอาเยื่อบุในคอ หรือ เนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก หรือ นำเสมหะที่อยู่ในปอด ออกมาหาเชื้อไวรัส ซึ่งการตรวจวิธีนี้ต้องระวังการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม จึงต้องทำในห้องแล็บที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น
หากผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อนั้นต้องการความแม่นยำในผลลัพธ์ที่ได้นั้น ท่านควรที่จะต้องกักตัวเอง 7 -14 วันหลังจากสัมผัสผู้ป่วย หรือ ไปพื้นที่เสี่ยงมา แต่หากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที
การตรวจหาเชื้อ covid-19 ด้วยวิธี Rapid test
สำหรับการตรวจแบบที่ใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid test ที่ผู้เข้ารับการตรวจจะทราบผลได้ใน 10 – 30 นาที เป็นการตรวจที่ผู้เข้ารับการตรวจนั้นจะต้องได้รับเชื้อมาแล้ว 5 – 14 วัน ร่างกายจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโรค หากเป็นการตรวจ Swab จะเป็นการนำสารคัดหลั่งเพื่อไปตรวจหาเชื้อไวรัส (Antigen) หากเป็นการตรวจแบบเจาะเลือกจะเป็นการนำตัวอย่างเลือดไปตรวจหาเชื้อไวรัสหรือภูมิคุ้มกัน (Antibody)
การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Rapid test หากผู้เข้ารับการตรวจหาภูมิในช่วงแรกของการรับเชื้อนั้นผลตรวจอาจจะขึ้นลบ ซึ่งไม่ได้แสดงว่าผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อ COVID-19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น
และหากผู้เข้ารับการตรวจด้วยวิธีนี้นั้นต้องการผลตรวจที่แม่นยำจะต้องกักตัวเอง 7 – 14 วัน หลังจากที่ได้สัมผัสผู้ป่วยหรือไปพื้นที่เสี่ยงมา และหากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที
เมื่อทราบผลว่าติดเชื้อ covid-19 ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
- ผู้ติดเชื้อ covid-19 ต้องเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน เอกสารยืนยันผลตรวจโควิด ราคา
- ผู้ติดเชื้อหรือญาติต้องโทร 1330, 1668, 1669 เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง
- ผู้ติดเชื้อต้องงดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิดพรบ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34)
- หากผู้ติดเชื้อมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้
- ผู้ติดเชื้อต้องสวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัวออกจากผู้อื่น
ขณะที่ผู้ติดเชื้อ covid-19 รอรถมารับไปโรงพยาบาลต้องทำอย่างไร
วิธีดูแลตัวเองอยู่บ้าน เมื่อติดโควิด 19 ก่อนเข้า รพ. ในกรณีที่จำเป็นต้องดูแลตัวเอง ในขณะที่รอการรับการรักษาที่โรงพยาบาล ได้แก่
- ผู้ติดเชื้อต้องกักตัวในห้องแยกจากผู้อื่น ไม่อยู่กับใคร ในห้องแอร์ หากมีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้เปิดหน้าต่างไว้ให้อากาศถ่ายเท
- ผู้ติดเชื้อต้องสวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ออกมานอกห้องหรือต้องเข้าใกล้ผู้อื่น
- ผู้ติดเชื้อต้องแยกของใช้ อุปกรณ์รับประทานอาหาร และแก้วน้ำ ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- สำหรับการเข้าห้องน้ำนั้นควรแยกการใช้ห้องน้ำ ในกรณีที่แยกไม่ได้ ใช้เป็นคนสุดท้ายและล้างห้องน้ำหลังใช้ทุกครั้ง
- ผู้ติดเชื้อต้องล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังขับถ่าย
- ผู้ติดเชื้อควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่สุก สะอาด ตามหลักโภชนาการ ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
- ต้องพยายามทำจิตใจให้สบาย และลดวิตกกังวล
- หากเป็นการสั่งสินค้า Delivery มาส่งที่บ้านท่านต้องไม่ลืมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ
- หากผู้ได้รับเชื้อมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ หรือมีอาการเดิมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอาการไข้สูง ไอมาก เหนื่อย แน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร ให้ติดต่อสายด่วน 1669, 1668, หรือโหลดแอปพลิเคชัน EMS 1669 เพื่อกดเรียกรถพยาบาลกรณีฉุกเฉิน